Ads block

Banner 728x90px

หนังสือชี้แจงข้อกล่าวหา


หนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา 

    เรื่องราวที่น่ากังวลของ “หนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา” ในทุกวันนี้ก็คือผู้ถูกกล่าวหามักจะเขียน “หนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา” ด้วยคำอธิบายที่สั้นลงทุกวัน มันอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก ถ้าเป็น “หนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา” ในการสอบวินัยไม่ร้ายแรง แต่ถ้าเป็นการสอบวินัยร้ายแรง หรือการไต่สวนของ ปปช. , ปปท. ซึ่งมีการชี้มูลความผิดทั้งในทางวินัยและอาญาแล้วละก้อ การทำ “หนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา”ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สำคัญต่ออนาคต และอิสรภาพของผู้ถูกกล่าวหา

การทำ “หนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา” นั้น หลายคนอาจถอดใจ ตั้งแต่ครั้งแรกที่อ่านบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาฯ โดยที่ยังไม่เริ่มลงมือเขียนหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาสักบรรทัด 

มันไม่ใช่เพราะเขียนหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไม่ได้ แต่เป็นเพราะไม่รู้จะเริ่มเขียนอย่างไร บางครั้งการเขียนหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาสำหรับมือใหม่...   ก็คล้ายการพายเรือในอ่าง จะพายนานแค่ไหน ก็วนมาที่เก่าซ้ำแล้วซ้ำอีก 

 

การเขียนแก้ข้อกล่าวหา คืออะไร

    การเขียนแก้ข้อกล่าวหา คือการเขียนคำโต้แย้ง หรือคำชี้แจงเพื่อไปหักล้างข้อกล่าวหา และพยานหลักฐานเบื้องต้นต่างๆ ที่ผู้สอบสวน /ไต่สวน แจ้งว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้กระทำผิด 
    โดยก่อนการเขียนแก้ข้อกล่าวหานั้น ผู้ถูกกล่าวหาจะต้องวิเคราะห์ก่อนว่า “ข้อกล่าวหา” นั้น มีข้อมูลที่เป็น ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและ พยานหลักฐาน ตามการแจ้งข้อกล่าวหาอย่างไร และข้อมูลทั้งสามส่วนนี้ ถูกเชื่อมโยงความผิดมายังตัวผู้ถูกกล่าวหาอย่างไร 

    ตัวอย่างที่ 1 การวิเคราะห์ข้อกล่าวหา กรณีละทิ้งหน้าที่ราชการและไม่ปฏิบัติตามระเบียบการลา ฝ่ายผู้สอบสวนอาจแจ้งข้อกล่าวหาแก่ท่านว่า "..ในระหว่างวันที่ 1-5 ต.ค. ท่านไม่มาทำงานที่สำนักงาน A โดยไม่ทราบสาเหตุ ครั้งต่อมาในวันที่ 6 ต.ค. ซึ่งเป็นวันแรกที่ท่านกลับมาปฏิบัติงาน ปรากฏว่าท่านไม่ดำเนินการยื่นใบลาต่อผู้บังคับบัญชาในวันดังกล่าว โดยมีการจัดส่งใบลาถึงผู้บังคับบัญชาในวันที่ 30 ต.ค. กรณีดังกล่าว จึงเป็นการละทิ้งหน้าที่ราชการ โดยไม่มีเหตุอันสมควร และเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบการลา ข้อ 18 วรรคแรก ซึ่งกำหนดให้ผู้ประสงค์ลาป่วยยื่นใบลาในโอกาสแรกที่กลับมาปฏิบัติงาน  ทั้งนี้ ได้มีพยานบุคคลซึ่งปฏิบัติงานในห้องทำงานแห่งเดียวกับท่านให้การยืนยันว่าท่านไม่มาปฏิบัติงานในห้วงเวลาดังกล่าว รวมทั้ง ยืนยันว่าท่านไม่เสนอใบลาต่อผู้บังคับบัญชาในวันแรกที่กลับมาปฏิบัติงาน

    ตัวอย่างที่ 2 การวิเคราะห์ข้อกล่าวหากรณีทุจริต เบิกค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมอันเป็นเท็จ ฝ่ายผู้สอบสวนอาจแจ้งข้อกล่าวหาแก่ท่านว่า "ในระหว่างเดือน ส.ค. สำนักงาน B ได้รับอนุมัติให้จัดอบรมผู้นำชุมชนภายในประเทศ แต่ผู้จัดอบรมได้พาคณะผู้อบรมไปกินอาหารและพักค้างที่โรงแรมในประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อกลับมาผู้จัดอบรมได้นำใบเสร็จรับเงินของร้านค้าและโรงแรมภายในประเทศอันเป็นความเท็จ มาประกอบการเบิกจ่ายส่งใช้เงินยืม ซึ่งตามทางสอบสวนได้ปรากฏพยานบุคคลที่เป็นผู้เข้าอบรมให้การยืนยันว่าได้ไปกินอาหารและพักค้างที่โรงแรมในประเทศเพื่อนบ้าน และพยานบุคคลที่เป็นพนักงานร้านอาหาร - โรงแรมซึ่งมีชื่อตามใบเสร็จ ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้รับเงินตามใบเสร็จดังกล่าว และใบเสร็จดังกล่าวไม่ใช่ของร้านค้าตน ต่อมาในเดือน ก.ย. ท่านในฐานะผู้รักษาราชการแทน ได้ลงนามอนุมัติในฎีกาเลขที่ B 2 ให้เบิกเงินค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมดังกล่าว ทั้งที่ไม่มีการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มร้านค้าที่มีชื่อตามใบเสร็จ"                             

ทั้งนี้ ตัวอักษรสีน้ำเงินคือส่วนที่เป็นข้อเท็จจริง ตัวอักษรสีแดงคือข้อกฎหมาย และตัวสีเขียวคือส่วนที่เป็นพยานหลักฐานที่ใช้สนับสนุนข้อกล่าวหา ส่วนบริเวณที่ขีดเส้นใต้ก็คือจุดเชื่อมโยงความผิด และเมื่อผู้ถูกกล่าวหาวิเคราะห์ข้อกล่าวหา โดยการแยกข้อมูลทั้งสามส่วนเสร็จสิ้น รวมทั้ง เล็งเห็นว่ามีช่องทางให้ท่านโต้แย้งหรือหักล้างข้อกล่าวหาในประเด็นใด และอย่างไรแล้ว ก็ให้ท่านทำการเขียนหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาตามวิธีการท้ายนี้   


วิธีเขียนหนังสือชี้แจงข้อกล่าวหา


       เนื่องจากพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวน ต่างมิได้บัญญัติเรื่องรูปแบบ และวิธีการเขียนหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไว้ให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ศึกษา ดังนั้น สำหรับผู้ถูกกล่าวหาที่ไม่ได้จบทางนิติศาสตร์หรือไม่ได้ว่าจ้างนักกฎหมายส่วนตัวนั้น เว็บวินัย ขอเรียนว่าวิธีการเขียนหนังสือชี้แจงข้อกล่าวหา แบบที่เข้าใจง่าย และเหมาะสำหรับการเขียนแก้ข้อกล่าวหาด้วยตนเอง ก็คือการเขียนแก้ข้อกล่าวแบบกำหนดเป็น "ประเด็นข้อพิพาท"

    ทั้งนี้ ผู้ถูกกล่าวหาบางท่านอาจสงสัยว่าการกำหนดประเด็นข้อพิพาท จะกำหนดอย่างไร ในเมื่อบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหาฯ ไม่ได้เขียนแยกเป็นรายประเด็นไว้ กรณีดังกล่าว เว็บวินัยฯ ใคร่ขอยกมาตรา 183 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เพื่อประกอบการอธิบายเรื่องการกำหนดประเด็นข้อพิพาท ดังนี้

“ในวันชี้สองสถานให้คู่ความมาศาล และให้ศาลตรวจคำคู่ความและคำแถลงของคู่ความแล้วนำข้ออ้าง ข้อเถียงที่ปรากฏในคำคู่ความและคำแถลงของคู่ความเทียบกับดู และสอบถามคู่ความทุกฝ่ายถึงข้ออ้าง ข้อเถียง และพยานหลักฐานที่ยื่นต่อศาล  ว่าฝ่ายใดยอมรับหรือโต้แย้งข้ออ้างข้อเถียงนั้นอย่างไร ข้อเท็จจริงใดที่คู่ความยอมรับกันก็เป็นอันยุติไปตามนั้น  ส่วนข้อกฎหมายหรือข้อเท็จจริงที่คู่ความฝ่ายหนึ่งยกขึ้นอ้าง แต่คู่ความฝ่ายอื่นไม่รับ และเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับประเด็นข้อพิพาทตามคำคู่ความ ให้ศาลกำหนดไว้เป็นประเด็นข้อพิพาท  และให้กำหนดให้คู่ความฝ่ายใดนำพยานหลักฐานมาสืบ ……..”


จากข้อกฎหมายข้างต้น จะเห็นได้ว่า "ประเด็นข้อพิพาท"  คือปมปัญหาที่คู่ความทั้งสองฝ่ายยังคงโต้แย้งกันอยู่ ดังนั้น วิธีการเขียนหนังสือชี้แจงข้อกล่าวหาในรูปแบบการกำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาท จึงอยู่ในลักษณะที่ว่าหากในบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาฯ ปรากฏข้อความใดของผู้สอบสวน ที่ท่านในฐานะผู้ถูกกล่าวหาประสงค์โต้แย้ง ก็ให้ท่านนำข้อความเหล่านั้น มากำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทแล้วทำการเขียนคำโต้แย้งข้อความเหล่านั้น พร้อมทั้งแสดงพยานหลักฐานสนับสนุนข้อโต้แย้งของตน ตามตัวอย่าง หนังสือชี้แจงข้อกล่าวหา แบบเติมคำด้วยตนเองท้ายนี้


 การแจ้งผลการแก้ข้อกล่าวหา

    ส่วนใหญ่เรื่องแจ้งผลการแก้ข้อกล่าวหา มักไม่มีกฎกติกากำหนดกรอบระยะเวลาไว้ ขึ้นอยู่กับว่าจะสอบสวนแล้วเสร็จเมื่อใด และจะต้องสอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่ รวมทั้งจะต้องส่งเรื่องให้ อ.ก.พ.กรม / อ.ก.พ. กระทรวง /อ.ก.พ.จังหวัด /ก.ท้องถิ่นต่างๆ พิจารณาความผิดและกำหนดโทษหรือไม่  
    
    แต่ผู้เขียนมักพบว่าประมาณ 1 ปี หรือ 1 ปีครึ่ง หลังจากท่านส่งหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแล้ว ทางหน่วยงานผู้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน  หรือผู้สั่งลงโทษ ก็จะมีหนังสือแจ้งผลยุติเรื่อง หรือหนังสือแจ้งคำสั่งลงโทษส่งมาให้ท่านทราบ 

     โดยรูปแบบของหนังสือแจ้งผลยุติเรื่อง สำหรับท่านที่ “ แก้ข้อกล่าวหาสำเร็จ ” ก็จะมีรูปแบบแยกตามประเภทการสอบสวน เช่น ตัวอย่างหนังสือแจ้งผลยุติเรื่องของลูกค้า ซึ่งเป็นผลงานที่สำนักงานกฎหมายวินัยเคยดำเนินการสำเร็จมาแล้ว ท้ายนี้

 อนึ่ง  ท่านสามารถศึกษากระบวนการทางวินัยและการสู้คดีในชั้นศาลต่างๆ ได้เพิ่มเติมที่ เมนู 

Tips: หนังสือชี้แจงข้อกล่าวหา

    สรุป การเขียนหนังสือชี้แจงข้อกล่าวหาที่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่การเล่าเรื่องตามความรู้ความเข้าใจของเรา หากแต่เป็นการวิเคราะห์ข้อกล่าวหาอย่างละเอียด และการแยกแยะ  ข้อเท็จจริง   ข้อกฎหมาย  และพยานหลักฐาน เพื่อใช้หักล้างข้อกล่าวหา ตามหลักองค์ประกอบความผิดที่ท่านถูกแจ้งข้อกล่าวหา

    สำนักงานกฎหมายวินัย พร้อมช่วยท่านวิเคราะห์ข้อกล่าวหาที่ซับซ้อน รวมทั้ง ช่วยกำหนดประเด็นข้อพิพาทที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการต่อสู้คดี  เราไม่เพียงแต่จะช่วยท่านเล่าความจริง แต่ยังช่วยแนะนำและช่วยรวบรวมพยานหลักฐานที่สนับสนุนความบริสุทธิ์ของท่านอย่างเป็นระบบ เพื่อให้คำชี้แจงฯ ของท่านมีน้ำหนัก/น่าเชื่อถือ

   ติดต่อเราวันนี้  099 450 5536 เพื่อรับ คำปรึกษา..ฟรี !  สำนักงานกฎหมายวินัย พร้อมให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือเรื่องการร่าง  "หนังสือชี้แจงข้อกล่าวหา"  ที่แข็งแกร่ง และถูกต้องตามหลักกฎหมาย เพื่อปกป้องอนาคตราชการของท่าน