Ads block

Banner 728x90px

การฟ้องศาลปกครอง


การฟ้องศาลปกครอง 

     การฟ้องศาลปกครอง คือ การเสนอข้อหาต่อศาลปกครอง โดยการทำเป็นคำฟ้องฯ หรือคำร้องฯ ในขณะที่เริ่มต้นฟ้องคดี ซึ่งก่อนที่เว็บฯ จะพาผู้ฟ้องคดีไปยังเรื่องวิธีการเขียนคำฟ้องศาลปกครอง และเรื่องขั้นตอนการฟ้องศาลปกครอง เว็บขอเรียนว่า 

       จากคำกล่าวที่คุ้นหูว่า “ศาลคือที่พึ่งสุดท้าย” นั้น คำดังกล่าว นอกจากจะมีความหมายตรงตัวว่า ศาล คือที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนแล้ว  คำดังกล่าวยังอาจแฝงความหมายอีกนัยว่า การต่อสู้คดีของท่านได้เดินทางมาถึงเวทีสุดท้ายแล้วเช่นกัน

       ในคดีอาญา ที่ใช้ระบบกล่าวหา โจทก์มีภาระการพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิด หากโจทก์พิสูจน์ไม่ได้ ศาลก็จะพิพากษายกฟ้องของโจทก์ และปล่อยตัวจำเลยพ้นจากข้อกล่าวหาไป   

        สำหรับคดีปกครอง แม้ศาลจะใช้ระบบไต่สวน และมีอำนาจแสวงหาข้อเท็จจริงได้เอง แต่ผู้ฟ้องคดี ซึ่งเปรียบเสมือนโจทก์ในคดีอาญา ควรช่วยตนเอง และช่วยแบ่งเบาภาระศาล ด้วยการรับภาระพิสูจน์ในคดี พร้อมทั้ง ทำการออกแบบคำฟ้องฯ และเขียนบรรยายคำฟ้องศาลปกครอง โดยแสดงถึงข้อพิสูจน์ต่างๆ เพื่อให้ศาลเห็นว่าคำสั่งลงโทษไล่ออก ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือเป็นการสั่งลงโทษที่ไม่เหมาะสม หนักเกินไปไม่ได้สัดส่วนกับการกระทำผิด เพราะถ้าผู้ฟ้องคดีพิสูจน์ไม่ได้ ศาลก็อาจพิพากษายกคำฟ้องของผู้ฟ้องคดี ซึ่งมีผลให้คำสั่งลงโทษนั้น มีผลบังคับใช้ตามเดิม  


คำนำ : เรื่องการเขียนคำฟ้องศาลปกครอง

        แรกที่เดียว... การเขียนคำฟ้องศาลปกครอง ประเภทคดีวินัยข้าราชการ สำหรับผู้ฟ้องคดีที่ไม่มีทักษะและประสบการณ์ มักจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ยาก ถึง โค-ตะ-ระ-ยากส์ เพราะจะแหวกหา ช่องทางต่อสู้จากคำสั่งลงโทษก็แทบมองไม่เห็น ครั้นจะหันไปหาช่องทางต่อสู้จากรายงานสอบสวน/ไต่สวน ไม่ว่าจะเป็นการสอบแบบตรงไปตรงมา หรือการสอบแบบโกงไปโกงมา ประเภท ปะผุ..ตัดแปะ พ่นสีเรื่องราว ให้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่ว่าจะสอบสวนแบบไหน ผู้ฟ้องคดีก็ล้วนแต่กระอักเลือด ตกเป็นมวยรองบ่อน  ตามทฤษฎี “ประวัติศาสตร์ มักถูกเขียนโดยผู้ชนะ” โดยปริยาย 

        ไอ้หวังตายแน่.. ตายแน่ไอ้หวัง เสียงเพลงของคุณอาศรเพชรฯ แว่วเข้ามาในหัว ด้วยเพราะเนื้อผ้าที่ปรากฏในสำนวนการสอบสวน ไม่ว่าจะตีลังกาอ่านท่าไหนก็ล้วนแต่บ่งชี้ว่าผู้ฟ้องคดีเป็น "ผู้กระทำผิด" เสียทั้งสิ้น  

        แต่ทว่า ช้าก่อนคับ ไอ้หวัง ยังอาจมีความหวัง  ถ้าไอ้หวัง ได้วางแผนการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และวางแผนปูพยานหลักฐานที่ดีและเป็นคุณกับไอ้หวัง มาตั้งแต่ชั้นสอบสวน/ไต่สวน 

        อีกทั้ง หนทางชนะในคดีปกครอง ก็มิได้จำกัดอยู่ที่การเอาชนะเนื้อผ้า หรือพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนการสอบสวนเพียงอย่างเดียว ผู้ฟ้องคดีสามารถแตกประเด็นการต่อสู้.. ไล่ดะ ได้ตั้งแต่เรื่องอำนาจการแต่งตั้งกรรมการสอบสวน เรื่องขั้นตอนการสอบสวน และเรื่องการรับฟังพยานหลักฐานต่างๆ รวมทั้งเรื่องการลงโทษที่ไม่ได้สัดส่วนกับการกระทำผิด ยาวไปจนถึงเรื่องการพิจารณาทางปกครองที่ไม่เป็นกลาง  ตบท้ายด้วยเรื่องอายุความสำหรับผู้เกษียณ ฉะนั้น ท่านที่ถูกประหารจากชีวิตราชการ ด้วยการลงโทษไล่ออก ปลดออก ตัวท่านสามารถดับเครื่องชนได้ทุกประเด็น เพียงแต่ท่านต้องมีความละเอียดถี่ถ้วน  ในการคิดวิเคราะห์สำนวนสอบสวน “ทำสิ่งที่คิดว่าตายแล้ว ให้ดิ้นได้”  เพื่อนำมาตั้งเป็นประเด็นต่อสู้คดีให้ประสบความสำเร็จ

วิธีการเขียนคำฟ้องศาลปกครอง

        "คำฟ้องศาลปกครอง" จะมีวิธีการเขียน 5 ส่วนตามโครงสร้างคำฟ้องฯ ใน ม. 45 แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง  พ.ศ. 2542  ซึ่งประกอบด้วย

1. ชื่อและที่อยู่ของผู้ฟ้องคดี 

2. ชื่อหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดี สำหรับการเขียนคำฟ้องศาลปกครอง ในข้อนี้ คือการเขียนระบุชื่อตำแหน่งของผู้สั่งลงโทษ โดยกำหนดให้เป็น “ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1” พร้อมเขียนระบุชื่อ องค์กรพิจารณาอุทธรณ์ โดยกำหนดให้เป็น “ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2”  ตัวอย่างเช่น กรณีข้าราชการพลเรือน ซึ่งส่วนใหญ่ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มักจะเป็น “อธิบดีกรม XX ” และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ก็จะเป็น  “ก.พ.ค.”  ส่วนกรณีตำรวจ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ก็มักจะเป็น  “ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด XX ” ส่วนผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ก็มักจะเป็น “ ก.พ.ค.ตร. " เป็นต้น

3. การกระทำที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดี  สำหรับการเขียนคำฟ้องศาลปกครองข้อนี้ คือ การเขียนบรรยายคำฟ้องถึงการกระทำที่ไม่ถูกต้องของผู้ถูกฟ้องคดี(ผู้สั่งลงโทษ)และผู้ร้องสอด (ผู้ไต่สวน) เพื่อให้ศาลเห็นว่าคำสั่งลงโทษไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ทั้งนี้ ผู้ฟ้องคดี ต้องตระหนักว่าการฟ้องคดีปกครองให้ประสบความสำเร็จ มันมิใช่เรื่องง่าย เนื่องจากข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานต่างๆ ที่ปรากฏตามรายงานการสอบสวน/ไต่สวน ซึ่งศาลฯ มักจะใช้เป็นหลักในการแสวงหาความจริง มันก็มีความสมบูรณ์ของข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในระดับหนึ่งแล้ว ทางหน่วยงานจึงนำไปใช้เป็นเหตุผลในการสั่งลงโทษท่านได้ ดังนั้น เป้าหมายการโจมตี ที่สำคัญที่ท่านจะต้องพยายามทำให้ได้ในการเขียนคำฟ้องคดีปกครอง ก็คือ

3.1การเขียนข้อพิสูจน์และแสดงพยานหลักฐานเพื่อให้ศาลเห็นว่า ผลการสอบสวนตามรายงานสอบสวน/ไต่สวนฉบับนั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่ชอบด้วยหลักการรับฟังพยานหลักฐาน หรือ

3.2 การเขียนข้อพิสูจน์ และแสดงพยานหลักฐานเพื่อให้ศาลเห็นว่า การสั่งลงโทษไล่ออก เป็นการสั่งลงโทษที่หนักเกินไป ไม่ได้สัดส่วนกับการกระทำผิด หรือ

3.3 หากท่านไม่สามารถเขียนข้อพิสูจน์หรือไม่มีพยานหลักฐานที่จะแสดงว่าผลการสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย อย่างน้อย ท่านจะต้องพยายามเขียนคำฟ้อง เพื่อให้ศาลฯ อ่านแล้วรู้สึก เอ๊ะ.. หรือสะกิดใจ และเกิดความสงสัยว่าผลการสอบสวนตามรายงานสอบสวนฉบับนั้น น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อที่ศาลฯ จักได้แสวงหาความจริงในเรื่องดังกล่าวต่อไป (อุปมาอุปมัยก็คล้ายกับการที่ท่านอ่านบันทึกข้อความหรือรายงานต่างๆ ที่ผู้ใต้บังคับบัญชาทำเสนอมาแหละครับ  ถ้าอ่านแล้ว เอ๊ะ.. รู้สึกว่ารายงานที่ลูกน้องทำมาผิดพลาด ท่านในฐานะผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจตัดสินใจ ก็จะเรียกเรื่องเดิมมาตรวจสอบ และคิดทบทวนว่าสิ่งที่ลูกน้องทำมาเสนอนั้น มันถูกหรือผิด ดังนั้น คำฟ้องศาลปกครองที่ดีคือคำฟ้องฯ  ที่อ่านแล้ว อย่างน้อยๆ ผู้อ่านต้อง เอ๊ะ.. ต้องสงสัย.. ว่ารายงานสอบสวนและคำสั่งลงโทษถูกต้องหรือไม่)

3.4 หากท่านไม่สามารถเขียนได้ทั้งข้อพิสูจน์และข้อสะกิดใจใดๆ ก็อย่าท้อครับ เมื่อวันนี้ ยังเหลือเวทีชั้นศาล เป็นเวทีสุดท้าย ที่เปิดโอกาสให้ผู้ฟ้องคดีทุกท่านลุกขึ้นไปต่อสู้อยู่ ท่านก็ต้องพยายามเขียนเล่าข้อเท็จจริงต่างๆตามโครงสร้างคำฟ้องฯทั้ง5ส่วน ตามความรู้ความสามารถที่มี เพื่อกราบเรียนต่อศาล และให้ศาลนำข้อเท็จจริงนั้น ไปแสวงหาความจริงต่อไป

4. คำขอของผู้ฟ้องคดี สำหรับผู้ฟ้องคดีที่เป็นข้าราชการหรือลูกจ้างประจำนั้น ส่วนใหญ่หน่วยงาน มักจะออก กฎ ระเบียบ และวิธีการเยียวยาในกรณีการกลับเข้ารับราชการตามคำสั่งศาลไว้แล้ว ดังนั้น ท่านจึงอาจเขียนคำขอท้ายคำฟ้องในหลักการใหญ่ๆ  ดังเช่น ตัวอย่าง คำขอท้ายคำฟ้องคดีปกครอง นี้

(1) ขอให้เพิกถอนตามคำสั่งกรม ....XX.....  ที่ ...../25...  ลงวันที่ ............. ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ซึ่งสั่งลงโทษไล่ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

(2) ขอให้เพิกถอนผลการวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ตามหนังสือสำนักงานคณะกรรมการ XX ที่................... ลงวันที่ .................. ซึ่งสั่งยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

(3) ขอให้สั่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1  ดำเนินการให้ผู้ฟ้องคดีกลับเข้ารับราชการในฐานะเดิมและตำแหน่งหน้าที่เดิม รวมทั้ง ให้ทำการคืนสิทธิประโยชน์ต่างๆ ในตำแหน่งหน้าที่ราชการให้แก่ผู้ฟ้องคดี ดั่งเดิมทุกประการ  ( ส่วนผู้ที่รับบำนาญ ก็ใช้ข้อความว่า ขอให้สั่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ดำเนินการให้ผู้ฟ้องคดีได้รับเงินบำนาญ และเงินอื่นๆ ที่ผู้ฟ้องคดี พึงมีสิทธิ์ได้รับดังเดิมทุกประการ ) 

ทั้งนี้  หากผู้ฟ้องคดีท่านใด อยากเขียนคำขอเพิ่มเติมในเรื่องอื่นๆ ที่อยู่ในอำนาจศาลฯ ก็สามารถเขียนเพิ่มเติมได้ครับ

ส่วนผู้ฟ้องคดีที่เป็นพนักงานราชการ หรือเป็นพนักงานจ้างตามภารกิจ ซึ่งถูกไล่ออกนั้น  นอกจากจะต้องเขียนคำขอท้ายฟ้องตามหลักใหญ่ๆ ทั้งสามข้อข้างต้นแล้ว  ท่านควรเขียนคำขอท้ายฟ้องเพิ่มเติม โดยการเรียกค่าเสียหายจากการถูกให้ออกจากงาน เพราะคำสั่งลงโทษไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วยทุกครั้ง เนื่องจากหากท่านชนะคดี ในช่วงเวลาที่หมดสัญญาจ้างแล้ว ศาลอาจจะไม่สามารถออกคำบังคับให้ผู้ถูกฟ้องคดี (ผู้สั่งลงโทษ) รับท่านกลับเข้าไปทำงานได้อีก เพราะข้อผูกพันตามสัญญาจ้างฉบับเดิมได้หมดลงแล้ว 

5. ลายมือชื่อของผู้ฟ้องคดี  

Tips:การฟ้องศาลปกครอง

จำไว้ว่าคุณไม่ได้ต่อสู้คดีเพียงลำพัง ทุกบรรทัดที่คุณเขียนข้อต่อสู้ คือการสร้างความหวังให้กับตนเองและครอบครัว 

ดังนั้น การฟ้องศาลปกครอง จึงไม่ใช่แค่การขอเพิกถอนคำสั่งลงโทษไล่ออก แต่มันคือการกลับคืนสู่อนาคตของคุณและครอบครัวครับ


2 ความคิดเห็น:

อ.วินัย (แจ๊ค) โทร 099 450 5536 กล่าวว่า...


การฟ้องคดีปกครอง ถือเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่เปิดโอกาสให้ประชาชนหรือผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายตรวจสอบการใช้อำนาจของหน่วยงานรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งในหน้าเว็บฯ นี้ สำนักงานกฎหมายวินัย จะให้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และขั้นตอนการฟ้องคดีปกครอง โดยอ้างอิงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. คดีปกครองคืออะไร ? (มาตรา 9 พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ)

คดีปกครอง คือคดีพิพาทระหว่างเอกชนกับหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ อันเนื่องมาจากการใช้อำนาจทางปกครอง ซึ่งครอบคลุมกรณีต่างๆ ดังนี้:

• กรณีกระทำการไม่ชอบด้วยกฎหมาย: เช่น การออกคำสั่งโดยไม่มีอำนาจ , การออกคำสั่งโดยไม่ถูกต้องตามขั้นตอน หรือขัดต่อกฎหมาย ตัวอย่างเช่น การเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร โดยไม่มีเหตุผล , การลงโทษไล่ออก ฐานทุจริตต่อหน้าที่ โดยขัดต่อกฎหมาย เนื่องจากผู้ถูกลงโทษ ไม่มีหน้าที่ราชการในเรื่องที่ถูกไล่ออก
• กรณีละเลยต่อหน้าที่: เช่น การไม่พิจารณาคำขอภายในระยะเวลาที่กำหนด หรือการไม่ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด ตัวอย่างเช่น การไม่บังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อม กับโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยมลพิษ
• กรณีปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร: ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตัวอย่างเช่น การอนุมัติโครงการล่าช้า ทำให้ธุรกิจได้รับผลกระทบ , การพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัย ล่าช้าไม่แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
• กรณีกระทำละเมิด: เช่น เจ้าหน้าที่รัฐกระทำโดยประมาทเลินเล่อ หรือจงใจ ทำให้บุคคลอื่นได้รับความเสียหาย ตัวอย่างเช่น เจ้าหน้าที่ขับรถราชการไปชนรถยนต์ผู้อื่นเสียหาย, เจ้าหน้าที่ทำโทรศัพท์ของทางราชการสูญหาย)
• กรณีเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง: ข้อพิพาทเกี่ยวกับสัญญาที่หน่วยงานรัฐทำกับเอกชน (เช่น ข้อพิพาทเกี่ยวกับสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง )
• กรณีอื่นๆ ที่กฎหมายกำหนด: ให้อยู่ในอำนาจของศาลปกครอง

2. ใครมีสิทธิฟ้องคดีปกครอง? (มาตรา 42 พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ)

ผู้มีสิทธิฟ้องคดีปกครอง คือผู้ที่:
• ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย: โดยตรงจากการกระทำหรืองดเว้นการกระทำของหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่รัฐ
• อาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้: ในอนาคตอันใกล้จากการกระทำดังกล่าว

3. ขั้นตอนก่อนฟ้องคดีปกครอง: (มาตรา 44 พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539)

ก่อนฟ้องคดีปกครอง ผู้มีสิทธิฟ้องคดีควรตรวจสอบก่อนว่า มีขั้นตอนกำหนดให้ท่านต้องไปยื่นอุทธรณ์กับหน่วยงานผู้ออกคำสั่งฯ หรือองค์กรพิจารณาอุทธรณ์ ตัวอย่างเช่น ก.พ.ค. , ก.ค.ศ หรือ ก.ตร.ก่อนไม่ หากมี ท่านจะต้องดำเนินการยื่นอุทธรณ์ตามขั้นตอนและระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดก่อน เพราะการไม่ยื่นอุทธรณ์ก่อน อาจทำให้ท่านเสียสิทธิในการฟ้องคดีปกครอง
ยกเว้นกรณีที่มีกฎหมายให้สิทธิ์นำคดีมาฟ้องศาลปกครองได้ทันที โดยไม่ต้องไปอุทธรณ์ก่อน ตัวอย่างเช่น ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 101กำหนดให้ ผู้ที่ถูกลงโทษทางวินัยจากการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีสิทธินำคดีมาฟ้องศาลปกครอง เพื่อขอเพิกถอนคำสั่งลงโทษโดยไม่ต้องไปยื่นอุทธรณ์ก่อน หรือจะไปยื่นอุทธรณ์เรื่องดุลยพินิจในการกำหนดโทษกับองค์กรพิจารณาอุทธรณ์ฯ ก่อนก็ได้

4. ระยะเวลาการฟ้องคดีปกครอง:

• คดีเพิกถอนกฎ/คำสั่งทางปกครอง/คำสั่งลงโทษวินัย: ต้องยื่นฟ้องภายใน 90 วัน นับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี
• คดีละเมิด: ต้องยื่นฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันที่รู้ถึงเหตุแห่งการละเมิด แต่ไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่มีเหตุแห่งการฟ้องคดี
• คดีสัญญาทางปกครอง: ต้องยื่นฟ้องภายใน 5 ปี นับแต่วันที่รู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี แต่ไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่มีเหตุแห่งการฟ้องคดี
• คดีคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ: จะยื่นฟ้องเมื่อใดก็ได้


อ.วินัย (แจ๊ค) โทร 099 450 5536 กล่าวว่า...


5. ขั้นตอนการฟ้องคดีปกครอง:
• จัดทำคำฟ้อง (มาตรา 45 พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ): โดย
o ระบุชื่อ ที่อยู่ ของผู้ฟ้องคดีและผู้ถูกฟ้องคดี
o ระบุข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด เป็นลำดับเหตุการณ์
o ระบุคำขอที่ต้องการให้ศาลพิพากษา (เช่น ขอให้เพิกถอนคำสั่งลงโทษ ขอให้ชดใช้ค่าเสียหาย)
o แนบพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด (เช่น เอกสาร คำสั่ง ภาพถ่าย)

กรณีตัวอย่าง: นาย ก. ยื่นฟ้องนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบล ข. เนื่องจากเทศบาลตำบล ข.ได้มีคำสั่งลงโทษไล่นาย ก. ออกจากราชการ ฐานละทิ้งหน้าที่ราชการ เกินกว่า ๑๕ วัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร

ตัวอย่างการเขียนคำฟ้อง: ในกรณีนี้ นาย ก. จะต้องเขียนระบุข้อเท็จจริง ตามหลักองค์ประกอบความผิด เช่น จำนวนวันที่ละทิ้งหน้าที่ราชการ , การละทิ้งหน้าที่ดังกล่าวเป็นการละทิ้งหน้าที่ติดต่อกันเกินกว่า 15วันหรือไม่ และวันที่ละทิ้งหน้าที่นั้น มิใช่การละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันสมควร เพราะอะไร รวมทั้ง หลังจากละทิ้งหน้าที่แล้ว นาย ก. ได้กลับมาปฏิบัติงานอีกหรือไม่ พร้อมทั้งแนบเอกสารหลักฐานที่แสดงเหตุจำเป็นที่ต้องละทิ้งหน้าที่หรือต้องหยุดงาน จากนั้นให้ระบุคำขอท้ายฟ้อง โดยขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งไล่ออกฉบับดังกล่าว

ข้อควรระวัง: การเขียนข้อเท็จจริงในคำฟ้องจะต้องเขียนให้ถูกต้อง ครบถ้วน และชัดเจนตามหลักองค์ประกอบความผิด รวมทั้ง ผู้ฟ้องคดีจะต้องจัดทำสำเนาคำฟ้องและสำเนาพยานหลักฐานส่งให้เจ้าหน้าที่ศาลตามจำนวนผู้ถูกฟ้องคดีที่ท่านระบุไว้ในคำฟ้องด้วย
• การยื่นคำฟ้อง: ให้ยื่นต่อศาลปกครองที่มีเขตอำนาจ (ศาลปกครองกลาง หรือศาลปกครองในภูมิภาค) ด้วยตนเอง หรือมอบอำนาจให้ผู้อื่นไปยื่นแทน หรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน
• กระบวนพิจารณาของศาล: ศาลจะตรวจสอบคำฟ้อง คำให้การ และพิจารณาพยานหลักฐานทั้งจากฝ่ายผู้ฟ้องคดีและผู้ถูกฟ้องคดี (ผู้สั่งลงโทษ / ปปช. หรือ ปปท.กรณีถูกไต่สวนชี้มูลความผิด) จากนั้น ศาลจะมีหนังสือนัดหมายผู้ฟ้องคดีและผู้ถูกฟ้องคดี มาฟังคำพิพากษาตามวันเวลาที่ศาลกำหนด หลังฟังคำพิพากษาหากคู่กรณีฝ่ายใดไม่พอใจคำพิพากษา สามารถยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาดังกล่าวต่อศาลปกครองสูงสุด
• ระยะเวลาการพิจารณาคดีปกครอง: จะมีกรอบระยะเวลาตามประกาศศาลปกครอง เรื่องกำหนดระยะเวลาดำเนินงานคดีในศาลปกครอง พ.ศ.2566

6. ศาลปกครองที่มีเขตอำนาจพิจารณาคดี?
โดยทั่วไป ให้ยื่นฟ้องต่อ:
• ศาลปกครองชั้นต้น: ที่มูลคดีเกิดขึ้น (เช่น สถานที่ออกคำสั่งลงโทษ หรือสถานที่รับคำสั่งลงโทษ) หรือสถานที่ผู้ฟ้องคดีมีภูมิลำเนา
• ศาลปกครองสูงสุด: เฉพาะกรณีที่มีกฎหมายกำหนดให้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุด ตัวอย่างเช่น ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๑๑๖ ได้กำหนดให้ข้าราชการพลเรือนที่ยื่นอุทธรณ์ฯ ต่อ ก.พ.ค.แล้ว ต่อมาไม่พอใจผลการวินิจฉัยอุทธรณ์ฯ สามารถใช้สิทธิ์ฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุดได้เลย

7. ค่าธรรมเนียมศาลปกครอง:
•การฟ้องคดีขอเพิกถอนคำสั่งทางปกครอง หรือคำสั่งลงโทษ หรือกรณีละเลยหน้าที่: ไม่เสียค่าธรรมเนียมศาล
•การฟ้องคดีเรียกค่าเสียหาย/ส่งมอบทรัพย์สิน: เสียค่าธรรมเนียมศาลตามที่กฎหมายกำหนด

กรณีตัวอย่าง: หาก นาย ก. ฟ้องเพิกถอนคำสั่งลงโทษไล่ออก ซึ่งเป็นการฟ้องเพื่อขอเพิกถอนคำสั่งทางปกครองเพียงอย่างเดียว นาย ก.ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาล แต่ถ้านาย ก. ฟ้องเพิกถอนคำสั่งลงโทษไล่ออก พร้อมเรียกค่าเสียหายจากการสั่งลงโทษไล่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นการฟ้องเพื่อขอเพิกถอนทั้งคำสั่งทางปกครอง และฟ้องเรียกค่าเสียหาย กรณีนี้ นาย ก.จะต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลตามอัตราที่กฎหมายกำหนด

8. การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ:
การฟ้องคดีปกครอง โดยเฉพาะคดีวินัยข้าราชการเป็นเรื่องที่ซับซ้อน เพราะเป็นการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานตามหลักองค์ประกอบความผิดในข้อกฎหมายไปเขียนเป็นข้อต่อสู้กับผู้สั่งลงโทษ ดังนั้น ท่านจึงควรไปปรึกษานักกฎหมายเฉพาะทาง ด้านคดีวินัยข้าราชการซึ่งจะเป็นแห่งใดก็ได้ที่ท่านไว้ใจ เพื่อขอคำแนะนำ และดำเนินการฟ้องคดีอย่างถูกต้องต่อไป

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม:

•พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
•พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539
•ระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543
•ประกาศศาลปกครอง เรื่องกำหนดระยะเวลาดำเนินงานคดีในศาลปกครอง พ.ศ.2566
•เว็บไซต์สำนักงานศาลปกครอง

คำเตือน: ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น ผู้อ่านควรนำเอกสารหลักฐานไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เพื่อขอคำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงสำหรับท่าน