การอุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัย คืออะไร
สิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่เรื่องธรรมะ หรือการทำสมาธิก่อนการเขียน “อุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัย” แต่การหายใจเข้าลึกๆ และถอนหายใจออกมายาวๆ มันจะทำให้เราใจเย็นขึ้น สงบขึ้น รวมทั้งสามารถมองเห็นปัญหาในการ “อุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัย” ได้ชัดเจนขึ้น และที่สำคัญการหายใจนั้น มันทำให้เรารู้ว่า เรายังไม่ตายไปพร้อมกับคำสั่งลงโทษ
“อุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัย” คือ การร้องขอความเป็นธรรมจากกรณีที่ถูกลงโทษทางวินัย เพื่อให้ผู้มีอำนาจวินิจฉัยอุทธรณ์ทำการ พิจารณาหรือทบทวนการลงโทษนั้นใหม่ โดยการอุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัยนี้ ฝ่ายผู้อุทธรณ์ฯ จะต้องทำเป็นหนังสือ เพื่อยื่นต่อผู้มีอำนาจวินิจฉัยอุทธรณ์ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ทราบ หรือถือว่าทราบคำสั่งลงโทษ
รูปแบบการอุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัย
การอุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัยนั้น ส่วนใหญ่รูปแบบการอุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัยพนักงานราชการ ครู ข้าราชการท้องถิ่น อบจ เทศบาล อบต มักจะมีรูปแบบการอุทธรณ์ฯ ที่คล้ายกับของข้าราชการพลเรือน ดังนั้น รูปแบบการอุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัยที่เว็บฯ จะกล่าวในที่นี้ จึงเป็นการอ้างอิงและมีความเห็นตามหลักเกณฑ์การอุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัยของข้าราชการพลเรือน ตามข้อ 27 แห่งกฎ ก.พ.ค.ว่าด้วยการอุทธรณ์และการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ พ.ศ.2551 ซึ่งมีการกำหนดรูปแบบการอุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัย ว่าจะต้องทำเป็น “หนังสืออุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัย” ส่งถึงประธาน ก.พ.ค. โดยใช้ถ้อยคำสุภาพ และต้องมีสาระสำคัญ ดังนี้- ชื่อ ตำแหน่ง และสังกัดของผู้อุทธรณ์ รวมทั้งที่อยู่สำหรับใช้ติดต่อเกี่ยวกับเรื่องอุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัย
- คำสั่งที่เป็นสาเหตุแห่งการอุทธรณ์ และวันที่รับทราบคำสั่ง
- ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมาย ที่ผู้อุทธรณ์ประสงค์ยกขึ้นเป็นข้อคัดค้านคำสั่งลงโทษ
- คำขอของผู้อุทธรณ์
- ลายมือชื่อของผู้อุทธรณ์ในหนังสืออุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัย
ดังนั้น หากในชั้นสอบสวน/ไต่สวน ผู้อุทธรณ์ฯ ไม่ได้วางแผนการเขียน “หนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา” แบบจัดหนัก จัดเต็ม แยกเป็นรายประเด็น ทั้งพยานเอกสาร และพยานบุคคลเพื่อให้สำนวนการสอบสวน / ไต่สวนได้ปรากฏ "ร่องรอยการต่อสู้ (ข้อโต้แย้ง)" ของผู้อุทธรณ์ รวมทั้ง ผลการพิจารณาของผู้สอบสวนไต่สวน ต่อประเด็นข้อต่อสู้ (ข้อโต้แย้ง) ดังกล่าวในรายงานสอบสวน เพื่อให้ผู้อุทธรณ์ฯ ได้ใช้เป็นหัวเชื้อสำหรับการเขียนอุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัย ในอนาคตแล้ว
การอุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัย ในปัญหาข้อเท็จจริงที่ขาดการวางแผนมาตั้งแต่ชั้นสอบสวน / ไต่สวน ก็อาจไม่เป็น “แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์” ให้กับผู้อุทธรณ์ฯ เพราะการอุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัย ในปัญหาข้อเท็จจริงที่ง่าย เหมาะสม และตรงประเด็นที่สุดก็คือการนำเอาข้อบกพร่องที่เกิดจากการรับฟังข้อเท็จจริง และพยานหลักฐาน ตามที่ปรากฏในรายงานสอบสวน / ไต่สวน มาวิเคราะห์หาข้อโต้แย้ง และเขียนหักล้างคำวินิจฉัยผู้สอบสวน / ไต่สวน หรือ อกพ. ผู้สั่งลงโทษ ว่าไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม หรือไม่เป็นธรรมกับท่านอย่างไร
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้อุทธรณ์ฯ ที่ในรายงานสอบสวน / ไต่สวน ไม่ปรากฏร่องรอยการต่อสู้ ให้เป็นหัวเชื้อไว้เขียนข้ออุทธรณ์ฯ นั้น วิธีการแก้ไขในชั้นอุทธรณ์นี้ ก็จะคล้ายการเขียนหนังสือชี้แจงข้อกล่าวหาใหม่
โดยให้ผู้อุทธรณ์ฯ แบ่งการเขียนคำอุทธรณ์ฯ ออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้
- ส่วนแรก เป็นการเขียนเนื้อหาโต้แย้งว่าท่านไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกลงโทษ โดยให้เขียนคำโต้แย้งตามประเด็นสำคัญที่ปรากฏในบันทึกแจ้งข้อกล่าวหา เฉพาะส่วนที่ผู้สอบสวน/ไต่สวนหยิบยกไปใช้ในการวินิจฉัยความผิด พร้อมแสดงพยานหลักฐานเพื่อสนับสนุนข้อโต้แย้งว่าผู้อุทธรณ์ไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกลงโทษ เพื่อปูทางให้รูปคดี มีน้ำหนักเอนเอียงมาทางผู้อุทธรณ์บ้าง
- ส่วนที่สอง เป็นการเขียนเนื้อหาโต้แย้งคำวินิจฉัยของผู้สอบสวน/ไต่สวน ตามที่ปรากฏในรายงานสอบสวน ว่ามีความบกพร่อง หรือไม่ถูกต้อง หรือไม่เป็นธรรมอย่างไร
".. ข้าฯ ขออุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย จากกรณีที่กระบวนการดำเนินการทางวินัย กับผู้อุทธรณ์ ในขั้นตอนการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวน ได้ปรากฏการกระทำที่ผิด กฎ ก.พ.ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย 2556 ข้อ 40 เพราะผู้สอบสวนมิได้ทำการสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนการแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้อุทธรณ์ทราบ หรือ ประธานกรรมการสอบสวน ไม่ได้ลงนามในบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหา ฯลฯ ดังนั้น การแจ้งข้อกล่าวหาในลักษณะดังกล่าว จึงเป็นการไม่ถูกต้องตามรูปแบบ ขั้นตอน หรือวิธีการที่กฎหมายกำหนด และส่งผลให้คำสั่งกรม / กระทรวง ….. ที่สั่งลงโทษไล่ผู้อุทธรณ์ออกจากราชการ โดยอาศัยผลการสอบสวนที่มิชอบด้วยหลักเกณฑ์การสอบสวนข้างต้น จึงมิชอบด้วยกฎหมายตามไปด้วย .."
สำหรับผู้อุทธรณ์มือใหม่ เว็บวินัยขอแนะนำให้เขียนเฉพาะใจความสำคัญตามตัวอย่างอุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัยข้างต้นก็พอแล้ว เพราะอย่างไรเสีย ท่านก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว เนื่องจากมันเป็นเรื่องที่ผู้สอบสวน ทำผิดกฎสอบสวนจริงๆ อีกทั้ง การเขียนข้อความโน้มน้าวในปัญหาข้อกฎหมายนั้น ค่อนข้างยากจำเป็นต้องอาศัยทักษะและประสบการณ์ของนักกฎหมายช่วยชี้ช่องในการเขียนข้อความโน้มน้าวครับ
ส่วนข้อห้ามสำคัญของการเขียนอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย ก็คือผู้อุทธรณ์ไม่ควรเขียนความเห็นของตน ลงไปโต้เถียงกับข้อเท็จจริงที่ยุติแล้วเหล่านั้น เพราะอาจทำให้ผู้มีอำนาจวินิจฉัยอุทธรณ์เข้าใจผิด และหลงคิดว่าท่านประสงค์จะอุทธรณ์ฯ ในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจส่งผลให้ผู้อุทธรณ์ตกอยู่ในสภาวะเสี่ยง เพราะต้องฝากโชคชะตาไว้กับดุลยพินิจการรับฟังพยานหลักฐานของผู้มีอำนาจวินิจฉัยอุทธรณ์ ทั้งที่ ปัญหาของผู้อุทธรณ์ อาจจบได้สวยด้วยการวินิจฉัยอุทธรณ์ฯ ในปัญหาข้อกฎหมายเพียงอย่างเดียว (ตัวอย่าง อุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัย)
ข้อคิดก่อนจ้างเขียนอุทธรณ์ฯ
เนื่องจากการอุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัย โดยเฉพาะการอุทธรณ์คำสั่งไล่ออกนั้น อาจเป็นการยื่นอุทธรณ์ขณะที่ผู้อุทธรณ์กำลังขาดสภาพคล่องทางการเงิน ดังนั้น ก่อนที่ท่านจะทุ่มกำลังเงินไปกับการจ้างเขียนอุทธรณ์ฯ ฝ่ายผู้อุทธรณ์ควรทำการสำรวจหาทิศทางคดีในชั้นอุทธรณ์ (อย่างง่าย ) ด้วยตนเอง โดยการขอคัดสำนวนสอบสวน/ไต่สวนมาแจกแจงหาพยานหลักฐานที่ใช้สนับสนุนการลงโทษว่ามีมากน้อยเพียงใด โดยให้แยกเป็นทั้งพยานเอกสารและพยานบุคคลจากนั้น ให้ท่านนำผลแจกแจงพยานหลักฐาน ที่ได้มาพิจารณาว่าพยานเหล่านั้น มีน้ำหนักเพียงพอแก่การรับฟังเพื่อลงโทษผู้อุทธรณ์หรือไม่ หรือเป็นการสั่งลงโทษ ทั้งที่ยังมีความขัดแย้งของพยานหลักฐาน หรือผู้สั่งลงโทษรับฟังเฉพาะพยานหลักฐานที่เป็นผลร้ายกับผู้อุทธรณ์เพียงอย่างเดียว รายละเอียดเหล่านี้ มิใช่งานทางเทคนิคกฎหมาย ตัวผู้อุทธรณ์สามารถเก็บข้อมูลจากสำนวนคดีได้โดยตรง ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจว่าจ้างนักกฎหมายเพื่อให้เขียนคำอุทธรณ์ และที่สำคัญก็คือ ท่านไม่ควรตัดสินใจจ้างเขียนคำอุทธรณ์ด้วยเหตุผลทางอารมณ์ เพราะท่านอาจจะต้องเสียทั้งเงิน ทั้งอารมณ์ในภายหลัง
เว็บวินัยฯ ใคร่ขอเรียนว่าแม้ช่วงเวลา 30 วันแห่งการใช้สิทธิ์อุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัย ผู้อุทธรณ์จะรู้สึกเหมือนฟ้าผ่าลงมา กลางใจ ยังรู้สึกผิดหวังและมึนงง จากการถูกลงโทษ แต่ท่านอย่าลืมว่า ชีวิตท่านไม่ได้ล่มสลายตามคำสั่งลงโทษ ผู้อุทธรณ์ยังมีชีวิตอยู่ และยังมีครอบครัว รวมทั้งยังต้องใช้ชีวิตในโลกแห่งทุนนิยมที่ต้องซื้อกินซื้อใช้ ท่านจึงต้องรู้จักปล่อยวางปัญหาต่างๆ ทั้งเรื่องศึกนอกและศึกในให้เป็น เพื่อเอาเวลาไปสู้กับศึกเฉพาะหน้า เช่นเรื่องอุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัยนี้